บทที่ 12 การมาถึงของตัวช่วย และพรที่ไม่ได้ขอ

ฉีหลินได้ยินเสียงดังเหมือนของหนักตกจากที่สูง นางจึงมองไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงและหยุดเดิน เฟยจินเองก็ได้ยินเช่นเดียวกันแต่ในหัว     ฉีหลินเหมือนจะได้ยินเสียงบรรดาเหล่าสัตว์น้อยใหญ่พุดคุยกันดังระงมป่า  ไปหมด

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนางอีกกันแน่ แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ในสายตาชาวบ้านก็มองนางเป็นอันธพาลน้อยผู้หนึ่งแล้วถึงแม้ว่าบางครั้งนางจะ       ไม่อยากลงมือทุบตีใครแต่ว่านางเองไม่สามารถหักห้ามความต้องการของร่างกายได้จึงจำเป็นที่จะต้องได้ลงไม้ลงมือทุบตีผู้อื่นโดยเฉพาะคนที่มุ่งร้าย กับนาง

ฉีหลินยืนมองอยู่ประมาณ 1 เค่อ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน     แต่ในป่าแห่งนี้นางกลับไม่เจอใครเลยแล้วใครมันจะมาคุยและตกลงอะไรกันอยู่ในป่าที่มีหมอกหนาทึบขนาดนี้ นางกับน้องชายสามียังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำครึ่งคำก็ไม่มี หรือว่าจะเป็นผี ใช่แน่ ๆ จะต้องเป็นเสียงผีป่า   แน่ ๆ

หากว่าเจ้าสองตัวที่ถูกส่งลงมาให้อยู่ข้างกายนางได้รับรู้ในสิ่งที่นางคิดพวกมันจะร้องร้องไห้หนักแน่ ทำไมท่านเทพจะต้องส่งพวกมันลงมาอยู่กับสตรีที่มีสติไม่เต็มเต็งแบบนี้ด้วย

“โอ๊ยเจ็บ จะส่งลงมาดี ๆ ไม่ได้หรืออย่างไร โยนลงมาได้เจ็บจะตายอยู่แล้ว” เสี่ยวหู่

“เจ้าหยุดร้องโวยวายได้หรือไม่หนวกหูจะตายแล้ว เจ้าลูกแมว รีบไปหานางกันเถอะ” เสี่ยวเฮย

“หยุดก่อนเจ้างูดำ เจ้าคิดว่าถ้าเราสองตัวเดินโท่ง ๆ ออกไปหานางแล้วนางจะไม่วิ่งหนีเราไปเสียก่อนรึ”

“นั่นสิ แล้วเราจะทำเช่นไรกันดีเจ้าแมว นอกจากนางยังมีน้องสามีของนางอีก เจ้าเด็กนั่นยิ่งท่าทางขี้ขลาดตาขาวอยู่ด้วย”

“นั่นสิขอข้าคิดก่อน แต่เดี๋ยวนะไม่ใช่ท่านเทพประทานพรให้นาง  ได้ยินเสียงสรรพสัตว์และเข้าใจภาษาสัตว์หรอกหรือ เราก็แค่หาทางคุย     กับนางเป็นการส่วนตัวก็ได้นี่”

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เราค่อยแอบตามนางออกจากป่าไปก็สิ้นเรื่อง แล้วค่อยหาโอกาสคุยกับนาง ว่าไง ตกลงไหม”

“เอาตามนี้แหละ เสือเช่นข้าย่อมฉลาดมากมีอะไรที่ข้าคิดไม่ตกบ้างไม่มีหรอกจะบอกให้”

“เหอะ เหอะ เหอะ เอาที่เจ้าสบายใจ” เสี่ยวเฮยมองบนใส่เสี่ยวหู่จากนั้นพวกมันจึงค่อย ๆ ตามติดฉีหลินไปอย่างเงียบ ๆ

แต่ที่พวกมันไม่รู้ก็คือสิ่งที่พวกมันคุยกันนั้นฉีหลินได้ยินและรับรู้  ทุกอย่างที่พวกมันทั้งสองตัวคุยกัน เมื่อฉีหลินรู้สาเหตุและที่มาของเสียงที่   ได้ยินเมื่อสักครู่แล้วนางจึงไม่ได้สนใจอีกและพาเฟยจินออกเดินต่อทันที

“พี่สะใภ้นั่นอะไรขอรับ ก้อนขาว ๆ ตรงนั้นน่ะ”

“หืม นี่มันลูกหมาป่านี้ แล้วมันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง พ่อแม่มันไปไหนหมดแล้วหากปล่อยเอาไว้มันจะต้องโดนสัตว์ใหญ่ทำร้ายจนตายเป็นแน่”

“มะ หมาป่าหรือขอรับแล้วแบบนี้ถ้าเกิดพ่อแม่มันคิดว่าพวกเราขโมยลูกของมันเล่าพี่สะใภ้ มันจะไม่ตามเอาคืนพวกเราหรือขอรับ”

ส่วนเจ้าลูกหมาป่าที่ว่านั้นจริง ๆ แล้วมันแอบกระโดดตามสหายสนิททั้งสองลงมา เอาง่าย ๆ คือมันหนีมานั่นเองในเมื่อเทพแห่งสรรพสัตว์ส่งสหายทั้งสองลงมาแต่ไม่ส่งมันลงมาด้วย

มันเองจะยอมให้สหายลงมาหาความสนุกเพียงสองตัวได้ยังไง    เรื่องอะไรมันจะยอม พอมันเห็นว่าท่านเทพถีบสหายสองตัวของมันลงมา   มันจึงหดตัวให้เล็กลงและเกาะหางเจ้าเสือมาด้วย

แต่เพราะแรงถีบมีมากทำให้มันกระเด็นลงมาตกอยู่ตรงนี้ตอนนี้มันยังรู้สึกจุกอยู่ไม่น้อย ในเมื่อนางมาพบมันเข้าแล้วมันก็สามารถบอกกับนางได้ว่ามันเองก็ถูกส่งลงมาเพื่อช่วยเหลือนางเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้ว  มันจะหนีมาก็ตามที

“นี่ ข้าไม่มีพ่อแม่หรอกนะ ข้ารู้ว่าเจ้าได้ยินข้า ข้าเองถูกส่งลงมา   ให้อยู่ข้างกายเจ้าเช่นนั้นก็พาข้ากลับไปด้วยล่ะ” เสี่ยหลางบอกฉีหลินแต่   เฟยจินกลับได้ยินเพียงเสียงเห่าของมันเท่านั้น

ฉีหลินเองก็ไม่ทำให้มันผิดหวัง นางอุ้มเสี่ยวหลางและนำไปใส่ในตะกร้าที่นางสะพายอยู่ทันที ตอนนี้เฟยจินคิดว่าพี่สะใภ้ของเขาเพี้ยนไปแน่ ๆ นางคงเสียใจที่ในป่าแห่งนี้ไม่มีอะไรให้เก็บกลับไปกินได้ พอนางเจอหมาป่าหลงทางมานางจึงเก็บกลับไปเพื่อทดแทนความเสียใจของนาง

“พี่สะใภ้ จะเอามันกลับไปด้วยจริง ๆ หรือขอรับ แต่พวกเราไม่เคยกินเนื้อหมาป่านะขอรับ มันจะดีหรือ”

“ใครบอกว่าจะเอาไปกิน ข้าจะเอาไปเลี้ยงเอาไว้คอยเฝ้าบ้าน”

“อ่อ ขอรับ ข้านึกว่าพี่สะใภ้จะเอาเจ้านี่กลับไปกิน”

เสี่ยวหลางที่มันได้ยินเจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่บอกว่าจะกินมัน มันจ้องมองไปทางเฟยจินอย่างโกรธเคืองพลางคิดในใจว่า “ถึงเจ้าอยากจะกินข้า    ก็ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง ริอ่านคิดจะกินราชาหมาป่าเช่นข้า”

ส่วนสองตัวที่แอบตามมาเงียบ ๆ นั้นเมื่อมันมองเห็นสหายของตัวเองที่ไม่น่าจะมาอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้กลับอยู่ในตะกร้าสะพายหลังของฉีหลินพวกมันได้แต่อึ้งมองเสี่ยวหลางตาแทบจะถลนออกมา

“เสี่ยวหู่ ข้าว่าข้าเห็นเสี่ยวหลาง” เสี่ยวเฮย

“เสี่ยวหลางหรือ แล้วเจ้านั่นจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เจ้านั่นไม่ได้ถูกส่งลงมาเสียหน่อย” เสี่ยวหู่

“ก็นั่นแหละที่ข้าสงสัย ในเมื่อเสี่ยวหลางไม่ได้ถูกส่งลงมาก็เป็นไปได้ว่าเจ้านั่นจะแอบหนีลงมาน่ะสิ และเจ้าดูนั่นเจ้านั่นยังอยู่กับฉีหลินแล้ว” เสี่ยวเหย

“ใช่จริง ๆ ด้วย หมาป่าเจ้าเล่ห์ ข้าว่าเจ้านั่นจะต้องถือโอกาสที่  ท่านเทพส่งพวกเราลงมาแล้วกระโดดตามเรามาแน่ ๆ” เสี่ยวหู่

“ก็คงจะเป็นเช่นนั้น แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงดีล่ะ จะออกไปพบนางตรง ๆ หรือไม่” เสี่ยวเฮย

“ตามนางออกจากป่าไปก่อนก็แล้วกันค่อยว่ากันอีกที” เสี่ยวหู่

ทั้งสองคนกลับออกจากป่าหมอกมายังที่ดินของครอบครัวก็พบกับพ่อสามีที่ไปทำเรื่องซื้อขายที่ดินเพิ่มกับหัวหน้าหมู่บ้านกลับมาพอดี ที่ดิน  สินเดิมของแม่สามีมีอยู่ 20 หมู่ และซื้อเพิ่มมาอีก 100 หมู่ นับว่ามากพอสมควรสำหรับครอบครัวหยาง

“เรียบร้อยดีหรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ”

“เรียบร้อยดี พ่อซื้อที่ดินตามที่เจ้าต้องการทั้งหมดแล้ว แล้วเรื่องล้อมรั้วพ่อได้ปรึกษากับหัวหน้าหมู่บ้านแล้วถ้าหากเราต้องการความเร็ว     ในการทำงานจะต้องไปจ้างทาสหลวงมาช่วยทำ เจ้าคิดเห็นเช่นไรรึลูกสะใภ้”

“จ้างทาสหลวงก็ดีเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าอยากให้ท่านพ่อไปติดต่อช่าง มาสร้างบ้าน ที่พอให้พวกเราทั้งครอบครัวอยู่กันไปก่อนเจ้าค่ะ ระหว่างรอสร้างบ้านหลังใหม่ตามแบบนี้เจ้าค่ะ รบกวนท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ”

ฉีหลินล้วงเข้าไปในแขนเสื้อแต่ความจริงแล้วนางเรียกแบบบ้านออกมาจากมิติส่วนตัว ยื่นให้กับพ่อของสามี หยางเทียนฉีที่เห็นแบบบ้าน    ก็ได้แต่ตกตะลึงในความใหญ่โต

“ลูกสะใภ้หลังใหญ่เกินไปหรือไม่ แล้วเงินเราจะพอหรือลูก”

“ไม่ใหญ่เกินไปหรอกเจ้าค่ะ ในอนาคตสมาชิกในบ้านย่อมเพิ่มขึ้น ไหนน้องรองจะต้องแต่งภรรยาเข้ามาในอนาคต ส่วนเงินย่อมมีพอแน่นอน เจ้าค่ะ ท่านพ่อสอบถามกับนายช่างถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดบ้านต้องสร้างด้วยอิฐที่แข็งแรง ส่วนหลังคาจะต้องเป็นกระเบื้องชั้นดีเท่านั้นเจ้าค่ะ ในส่วนของกำแพงก็ต้องทำให้สูงไว้ จะเป็นกำแพงหินหรือกำแพงอิฐย่อมได้เจ้าค่ะ”

“พ่อกลัวว่าเงินที่เรามีในมือจะไม่พอ ตอนนี้ลูกใหญ่ยังรักษาตัวอยู่ ยังไม่สามารถออกมาหาเงินช่วยเจ้าได้ พ่อเองก็ไม่มีเงินในมือเลยอย่างที่เจ้ารู้เงินที่เราหามาตลอดหลายปีก็ส่งเข้าส่วนกลางหมดตอนเราออกมาก็ได้มาแค่ 50 ตำลึง”

“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากับน้องรองจะเข้าป่าหาของป่าไปขายเอง ยังมีเวลาเจ้าค่ะ ท่านพ่อเพียงแค่ดูแลทางนี้ให้ดี ส่วนเรื่องเงินข้าอยากให้ท่านพ่อเชื่อใจข้าเจ้าค่ะว่าข้าสามารถหาเงินได้ทันแน่ ๆ นี่เป็นตั๋วเงิน     5,000 ตำลึงทองท่านพ่อเก็บเอาไว้นะเจ้าคะ”

“ลำบากเจ้าแล้วลูกสะใภ้ แล้วนั่นอะไรน่ะ ในตะกร้านั่น”

“อ่อ เจ้านี่หรือเจ้าคะ ข้ากับน้องรองเจอมันอยู่ในป่าข้าเลยคิดว่าจะเอามาเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเจ้าค่ะ”

“เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน? หากเจ้าอยากเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน เลี้ยงแค่สุนัขธรรมดาก็ได้แล้ว แต่นี่เจ้าจะเอาหมาป่ามาเลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้านจะไม่มากไปหน่อยหรือ มันจะไม่กัดชาวบ้านใช่หรือไม่”

“ไม่กัดแน่นอนเจ้าค่ะ ถ้าหากชาวบ้านพวกนั้นไม่เข้ามาบุกรุกเข้ามาในบ้านของเรา”

“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ”

เสี่ยวหลางหัวเราะเหอ ๆ อยู่ในใจถ้าหากพ่อสามีของนางรู้ว่าไม่เพียงแค่หมาป่ายังมีเสือและงูอยู่เขาจะทำหน้ายังไง แค่นี้ก็รู้สึกสนุกมากแล้วจริง ๆ

“พี่สะใภ้เราจ้างชาวบ้านให้สร้างบ้านชั่วคราวให้พวกเราก่อน        ดีหรือไม่ขอรับ”

“ทำไมหรือเฟยจิน”

“ข้าไม่อยากอยู่ที่นั่นแม้แต่วันเดียวขอรับ พอข้านึกถึงสิ่งที่พวกเขาทำกับพวกเราขึ้นมาทีไรข้าไม่อยากจะพบเจอคนพวกนั้นอีก”

“อดทนหน่อยนะ พี่คิดว่าช่างสร้างบ้านในเมืองคงเร่งมือสร้างให้เราได้ย้ายเข้ามาอยู่ก่อน พี่เองก็หาได้อยากอยู่ร่วมกับคนพวกนั้นแม้แต่อากาศหายใจก็ยังไม่อยากจะหายใจร่วมกันเลย ยังดีที่ลูกชายทั้งสองของลุงใหญ่ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร”

“ขอรับ ยังดีที่เมื่อก่อนพี่ฮุ่ยเจียงกับพี่ฮุ่ยหมิ่นยังแอบช่วยเหลือ  พวกเราบางครั้ง แต่พี่ฮุ่ยเหม่ยเหมือนจะได้นิสัยของท่านป้ามาทั้งหมดบวกกับของท่านลุงมาด้วย ทำให้นางยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่”

“ปล่อยนางไปเถอะ เมื่อวานโดนไปขนาดนั้นคงอีกหลายวันกว่าที่นางจะลุกขึ้นมารังควานพวกเราได้อีก”

“นั่นสิขอรับ เรากลับบ้านกันเถอะพี่สะใภ้ ป่านนี้ท่านแม่คงกลับจากเยี่ยมพี่ใหญ่แล้ว ข้ากลัวว่าพวกเราไม่อยู่ป้าสะใภ้จะหันมาเล่นงานท่านแม่กับน้องเล็กอีกทั้งยังมีหลาน ๆ ด้วย”

“เช่นนั้นเราไปบอกท่านพ่อก่อนแล้วค่อยกลับบ้านกัน”

ฉีหลินเดินไปบอกพ่อสามีว่าตนเองและน้องชายจะกลับบ้านไปก่อนเพราะเป็นห่วงนางฟางและลูก ๆ ระยะทางจากหมู่บ้านป่าหมอกถึงหมู่บ้านเหอมู่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ ห่างกันเพียง 10 ลี้เท่านั้น หากเดินเท้ากลับใช้เวลาเพียง 3 เค่อเท่านั้น

ฉีหลินและเฟยจินกลับมาถึงบ้านพอดีกับที่นางฟางพาลูกสาวและหลานชายทั้งสองกลับมาจากในเมือง เมื่อเห็นว่าแม่สามีเพิ่งจะกลับมาเช่นกันนางถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางเองก็กลัวว่านางหลินจะมารังแกแม่สามีของนางเช่นเดียวกัน

“เฮ้อ ช่างวุ่นวายจริง ๆ พอทุกอย่างลงตัวแล้วเราค่อยเลี้ยงดูสามี  ให้ดีก็พอ หึหึ” ฉีหลินพึมพำกับตัวเองและหัวเราะเบา ๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป